Hearthstone เป็นอีกหนึ่งเกมที่มีคำศัพท์เฉพาะที่หลากหลาย การเรียนรู้คำศัทพ์เหล่านั้นจึงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่จะทำให้เราเข้าใจเกม
และสามารถพูดคุยหรือฟังเกี่ยวกับการเล่นได้ดียิ่งขึ้น มาดูกันว่ามีคำศัพท์อะไรบ้างที่ใช้กันบ่อยๆ ในเกม Hearthstone

 

Standard: หมายถึงโหมดการเล่นที่สามารถเล่นชุดการ์ด ได้อย่างจำกัดอย่างเช่นตอนนี้มีโดยในปัจจุบันสามารถเล่น Journey to Un’Goro,
Knight of the Frozen Throne, Kobolds and Catacombs, The Witchwood และ Classic และ Basic การ์ด

 

Wild: เป็นโหมดการเล่นที่เปิดให้ผู้เล่นสามารถใช้ชุดการ์ด ได้ทุกชุด

 

Ladder: หมายถึงการเล่น Ranked Play. คำว่า Ladder มาจากเมื่อคุณเล่น Rank คุณก็ต้องไต่ Rank ขึ้นไปเรื่อยๆ
อย่างเช่นใน Hearthstone คือจาก 25 - 1 และไป Legend

Meta: หมายถึงเด็คในปัจจุบันที่นิยมนำมาเล่นใน Ladder หรือเป็นเด็คที่มี %winrate สูง

Constructed: ความถึงความสามารถในการทำเด็คด้วยการ์ดที่ผู้เล่นมีอยู่เพื่อใช้ในการเล่น Ranked หรือ Casual

Netdeck: หมายถึงเด็คที่ถูกนำไปเผยแผ่ในที่ต่าง ๆ แล้วคนเลือกหยิบมาเล่นเพราะ เก่ง/ถูก มากกว่าที่จะจัดเด็คเอง

Tech Card : หมายถึงการ์ดที่ใส่มาเพื่อแก้ทางการ์ดบางใบโดยเฉพาะเช่นการใส่ ปีศาจเมือกบึงกรด ใน meta ที่มีเด็คที่ใช้อาวุธเยอะ

Aggro: เป็นคำย่อของ Aggression, ซึ่งหมายถึงเด็คที่มีมินเนี่ยนที่มีค่าร่าย ของมินเนี่ยนต่ำ และ สร้างโอกาสทำความเสียหายโดยตรงใส่คู่ต่อสู้ให้เร็วที่สุด

Control: เด็คช้าและเน้นตั้งรับโดยใช้ Taunt มินเนี่ยน รวมถึงการบริหารจัดการการ์ด AOE และ เวทมนตร์ ในการทำลายมินเนี่ยนฝั่งตรงข้าม, หลังจากนั้นจึงปิดเกมในช่วงท้าย

Midrange: หมายถึงเด็คที่มีมินเนี่ยนส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 4 - 8 คริสตัลมานา พูดง่ายๆก็คืออยู่ระหว่างกลางของ Aggro - Control
โดยเด็คแนวนี้จะได้เปรียบเด็ค Control แต่ก็จะเล่นสู้กับเด็ค Aggro ในช่วงแรกได้ยากเช่นกัน. Midrange และ Control จะมีความใกล้เคียงกันมากกว่าถ้าเทียบกับ Aggro

Face หรือ SMOrc: Hearthstone เป็นเกมที่ผู้เล่นมีฮีโร่เป็นของตัวเองคำว่า Face นั้นหมายถึง "going to the face" หรือการโจมตีไปที่ Hero นั้นเอง ในขณะที่ SMOrc เป็นหนึ่งใน emoji ในช่อง Twitch ที่นิยมใช้เพื่อผู้เล่นทำการโจมตีใส่ฮีโร่แทนที่จะเลือกฆ่ามินเนี่ยน

Tempo: หมายถึงการสร้างความได้เปรียบเพื่อดึงกระแสเกมมาเป็นของเราและคุมเกมให้เหนือกว่าคู่ต่อสู้. ตัวอย่างเช่นในการเล่น แทงข้างหลัง ใน Rogue เพื่อสร้างความได้เปรียบในช่วงต้นเกม
เพราะ แทงข้างหลัง ใช้ค่าร่าย 0 เคลียร์บอร์ดทำให้เราสามารถลงมินเนี่ยนชิงจังหวะในช่วงต้นเกมได้ก่อน

Combo: เด็ค คอมโบ หมายถึงเด็คที่ต้องค้นหาและใช้การ์ดมากกว่าสองใบร่วมกันเพื่อนำไปสู่ชัยชนะ. ตัวอย่างเช่น Rogue ใช้ ลีรอย เจ็นกิ้นส์ 2x เลือดเย็น
ในส่วนของการ์ด คอมโบ นั้นหมายถึงการ์ดที่จะสามารถใช้ความสามารถได้เมื่อเล่นการ์ดอย่างน้อยหนึ่งใบก่อนหน้า

Match up : หมายถึงการเรียกการเจอกันระหว่างเด็คหรือภาษาง่ายๆ ก็คือ vs (versus) นั้นเองโดยผู้เล่น Hearthstone มักจะใช้คำว่า Match up ในกรณีที่พูดถึงความได้เปรียบของเด็คเช่น ผมเล่น Mage และชอบ matchup ที่ต้องเจอกับ Rogue เป็นต้น

Ping: หมายถึงความสามารถของฮีโร่ Class Mage, ซึ่งสามารถทำความเสียหายให้กับเป้าหมายได้ 1 ดาเมจ

Direct Damage: การ์ดที่มีความสามารถสร้างความเสียหายโดยตรงให้กับคู่ต่อสู้ (เช่น สายฟ้าฟาด, เพลิงสลายวิญญาณ,คลื่นพลังน้ำแข็ง)

 

AOE: หรือ Area of Effect หมายถึงการ์ดที่มีความสามารถสร้างความเสียหาย ทั้งสนามของฝ่ายตรงข้าม หรือ ทั้งสองฝ่าย (เช่น ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์, )

 

 

Bounce: การ์ดที่มีความสามารถนำกลับขึ้นมือ (เช่น ตัดกำลัง) หรือการยกการ์ดต่างๆกลับขึ้นไป

Burn: ใน Hearthstone หมายถึงเมื่อคุณถือการ์ดไว้ 10 ใบแล้วจั่วการ์ดเพิ่มขึ้นมาจากนั้นการ์ดใบนั้นถูกทำลาย


Bomb: การ์ดที่ส่งผลกระทบต่อเกมอย่างใหญ่หลวง และ สามารถปิดเกมได้อย่างรวมเร็วถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่มีการ์ดรับมือ (เช่น เดธวิง )



OTK: ย่อมาจาก One Turn Kill เป็นเด็คที่ใช้พลังโจมตีมหาศาลเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ภายใน turn เดียว


Mulligan: หมายถึงการ์ดที่ขึ้นมาให้เราเลือกในตอนเริ่มเกมซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะเก็บใบไหนไว้ ส่วนการ์ดที่เราไม่เลือกจะถูกนำกลับเข้าไปในกองแล้วจั่วการ์ดใหม่ตามจำนวน



Cycle: การใช้การ์ดเพื่อจั่ว หรือ การใช้มินเนี่ยนที่มีความสามารถจั่วการ์ด นอกจากจะเป็นการหมุนเวียนการ์ดบนมือแล้ว ยังช่วยให้คุณเพิ่มโอกาสที่จะเจอการ์ดที่จำเป็นสำหรับทำ คอมโบ หรือ ปิดเกมได้เร็วขึ้นด้วย

Overdraw : การจั่วการ์ดเกิน 10 ใบบนมือทำให้การ์ดที่จั่วขึ้นมาถูกทำลาย

Mill, Milling: เป็นวิธีการเล่นที่ทำให้อีกฝ่ายโดย Burn cards โดยเด็คบางประเภทที่เล่นลักษณะนี้จะใช้การ Burn card ของฝ่ายตรงข้ามและแพ้ในช่วง Fatigue

Nerf, Nerfed: หมายถึงการลดความสามารถการ์ด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มค่าร่าย การลดพลังโจมตีหรือเลือด

Overpowered, OP: การ์ดที่มีความสามารถสูงเกินไปจนทำให้เกมไม่สมดุล

Ramp: หมายถึงการ์ดที่มีความสามารถเพิ่ม คริสตัลมานา ไม่ว่าจะแบบชั่วคราวหรือถาวร Druid จะมีการ์ดจำพวกนี้อยู่มากไม่ว่าจะเป็น กระตุ้น ผืนป่างอกงาม 


RNG: หรือชื่อเต็มคือ Random Number Generator. พูดง่าย ๆ ก็คือการสุ่มด้วยระบบคอมพิวเตอร์ นั้นเอง


Top Deck: การจั่วการ์ดแล้วได้การ์ดที่สามารถนำมาแก้ไขหรือเปลี่ยนสถานการณ์เกมได้ ตัวอย่างเช่นการจั่วได้ บอลเพลิง ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามเลือดเหลือ 6

Lethal : หมายถึงการ์ดบนบอร์ดหรือบนมือของเราสามารถปิดเกมได้ในเทิร์นนี้


Misplay : การเล่นพลาดเล่นการ์ดในมือสามารถ Lethal ได้แล้วแต่เล่นพลาดทำให้เสียโอกาสปิดเกม (MisLethal), รวมถึงการคำนวณมานาหรือเทรดมินเนี่ยนพลาดก็ถือเป็น Misplay ได้เช่นกัน


Value: หมายถึงการเล่นการ์ดที่บังคับหรือกดดันให้ฝ่ายตรงข้ามต้องใช้การ์ดหลายใบเพื่อรับมือกับมัน, หรือการใช้การ์ดเพียงหนึ่งใบจัดการกับการ์ดของคู่แข่งได้หลายใบ


Trade : การใช้มินเนี่ยนโจมตีใส่มินเนี่ยนฝั่งตรงข้ามโดยมินเนี่ยนทั้งคู่ตายเหมือนกัน


Value Trade : การใช้มินเนี่ยนโจมตีใส่มินเนี่ยนฝ่ายตรงข้ามโดยที่มินเนี่ยนฝั่งเรารอดชีวิต, หรือการใช้มินเนี่ยนตัวเล็กเทรดกับมินเนี่ยนตัวใหญ่โดยที่ทั้งคู่ตาย.

 

Mana Efficiency : การใช้หรือบริหารมานาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

Out play : การเล่นการ์ดที่ดูยากแบบคาดไม่ถึงและได้ผลในทางที่ดีขึ้น

 

BM (BAD Manner) : การกวนหรือแสดงมารยาทที่ไม่เหมาะสมใส่ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามเช่น การ์ดบนบอร์ดสามารถปิดเกมได้แล้วแต่เลือกที่จะเล่นการ์ดใบอื่นๆ ในมือหรือสแปมอีโมชั่นเกมใส่ฝั่งตรงข้ามบ่อยจนเกินไป